วาฬกลายเป็นสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร
  • Game
  • Facebook
  • YouTube
ThaiWhales
  • Photo ID*
    • Timeline
    • Profile
  • NEWS
    • Local
    • International
    • Knowledge
  • Diary
  • Article
  • Whale's Tale
  • The Last 14
  • About Us
    • What We Do
    • Who We Are

News

  • Home
  • วาฬกลายเป็นสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร

วาฬกลายเป็นสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร

วาฬเป็นสัตว์ตัวใหญ่ ใหญ่มากๆ ใหญ่มหึมา ใหญ่อย่างน่าตื่นตะลึง

วาฬฟินหนักได้ถึง 140,000 ปอนด์ (ประมาณ 63,500 กิโลกรัม) วาฬหัวคันศร หนักได้มากถึง 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 90,700 กิโลกรัม) ในขณะที่แม่ใหญ่แห่งวาฬทั้งหลายคือวาฬสีน้ำเงินนั้นสามารถจะหนักได้ถึง 380,000 ปอนด์ (ประมาณ  172.365 กิโลกรัม)เลยทีเดียว ทำให้วาฬสีน้ำเงินกลายเป็นสัตว์ขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลก

 

วาฬทั้งหลายทำให้เราตื่นตะลึงกับขนาดมโหฬารของพวกมัน ขณะเดียวกันผู้คนต่างพากันสงสัยว่าวาฬกลายเป็นสัตว์ขนาดมหึมาเช่นนี้ได้อย่างไร

 

----------------------------



วาฬบาลีนใช้ปากขนาดมหึมาของมันในการกรองกินเคย และปลา

เครดิตภาพ SilverbackFilms/BBC

 

จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings ของ the Royal Society B ทีมนักวิจัยได้สืบค้นวาฬบาลีนขนาดยักษ์ที่กินอาหารโดยการกรองหลายชนิด ซึ่งรวมถึงวาฬสีน้ำเงิน วาฬหัวคันศร และวาฬฟิน พวกเขาพบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยในทะเลเหล่านี้เพิ่งจะกลายมาเป็นสัตว์ขนาดยักษ์เมื่อ 4.5 ล้านปีที่ผ่านมานี้เอง ส่วนเหตุผลก็คือ การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศทำให้สัตว์ขนาดใหญ่เหล่านี้กินมากจนเกินไป

วาฬมีประวัติศาสตร์ด้านวิวัฒนาการที่น่าสนใจ แรกเริ่มเดิมที เมื่อ 50 ล้านปีก่อน มันเป็นสัตว์ตีนกีบซึ่งอาศัยอยู่บนบก หลายล้านปีต่อจากนั้น พวกมันพัฒนาครีบขึ้นมาและกลายไปเป็นสัตว์ในท้องทะเล  ต่อมาในช่วง 20-30 ล้านปีก่อน บางส่วนของบรรพบุรุษวาฬเริ่มพัฒนาการกินอาหารโดยการกรองขึ้น หมายถึงว่ามันสามารถจะกินเหยื่อขนาดเล็กที่อยู่รวมกันเป็นฝูงได้โดยการกลืนเพียงครั้งเดียว แต่แม้จะมีความสามารถในการกินอาหารเช่นนี้ วาฬก็ยังคงเป็นเพียงสัตว์ขนาดใหญ่ปานกลางอยู่เป็นเวลาอีกหลายล้านปี

“แต่แล้วจู่ๆ----.”บูม”---เราก็ได้เห็นมันกลายเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์ อย่างเช่นวาฬสีน้ำเงิน”  นิก พเย็นสัน ภัณฑารักษ์ซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล แห่งสถาบัน สมิทธ์โซเนียน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติด้านประวัติศาสตร์เชิงธรรมชาติและเป็นผู้เขียนรายงานฉบับนี้กล่าว “เหมือนกับว่า พวกมันขยายจากวาฬที่มีขนาดเท่ารถมินิแวนไปเป็นวาฬที่มีความยาวขนาดรถบัสนักเรียนสองคันต่อกันเลย”

ดร.พเย็นสัน และผู้ร่วมงานของเขาวัดซากดึกดำบรรพ์ของวาฬในพิพิธภัณฑ์ 140 ตัวอย่าง และใส่ข้อมูลเหล่านั้นเข้าไปในแบบจำลองทางสถิติ ผลแสดงว่าในช่วงประมาณ 4.5 ล้านปีก่อน วาฬบาลีนในวงศ์ต่างกัน กลายร่างเป็นยักษ์ใหญ่ในเวลาใกล้เคียงกัน โดยเป็นอิสระจากกัน  วาฬสีน้ำเงินยักษ์ผุดขึ้นในมหาสมุทรทั่วโลกพร้อมไปกับวาฬหัวคันศรยักษ์ และวาฬฟินยักษ์ นักวิจัยสงสัยว่า การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นต้องเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้วาฬบาลีน ขยายตัวขึ้น หลังจากการสืบสวนพวกเขาพบว่าในช่วงเวลานั้น เป็นเวลาใกล้เคียงกับกับการที่แผ่นน้ำแข็งเริ่มปกคลุมซีกโลกเหนือเพิ่มมากขึ้น

ของเหลวที่ไหลมาจากธารน้ำแข็งน่าจะพัดพาเอาสารอาหารเช่นเหล็ก ลงสู่น้ำบริเวณชายฝั่งและวัฏจักรของน้ำผุดตามฤดูกาลที่รุนแรงทำให้น้ำเย็นจากส่วนลึกของมหาสมุทรลอยตัวขึ้น นำพาเอาสารอินทรีย์ขึ้นสู่ผิวน้ำ ผลกระทบทางนิเวศวิทยาทั้งสองต่างนำพาสารอาหารจำนวนมากลงสู่ผืนน้ำในช่วงเวลาและสถานที่เฉพาะ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องเป็นลำดับต่อสายใยอาหารในมหาสมุทร

เมื่อฝูงแพลงก์ตอนสัตว์และเคยรุมกันเข้ามากินสารอาหารเหล่านี้ ก่อให้เกิดเป็นแพแพลงก์ตอนและเคยที่ทั้งหนาแน่นและกว้างยาวไปหลายไมล์ ทั้งยังมีความหนาถึง 65 ฟุต มหาสมุทรจึงกลายเป็นงานบุฟเฟต์แบบ ‘กินเท่าไรก็ได้ all you can eat’สำหรับวาฬทั้งหลาย

เจอเรมี โกลด์โบเก็น นักสรีระวิทยาเปรียบเทียบจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและผู้เขียนรายงานนี้กล่าวว่า ”แม้ว่าวาฬจะมีอวัยวะเหมือนเครื่องจักรที่จะกินโดยการกรองมาเป็นเวลาช้านานแล้วก็ตาม แต่ก็จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่มหาสมุทรก่อเกิดแพอาหารนี้แหละที่การกินอาหารจำนวนมากด้วยการกรองพัฒนาขึ้นจนมีประสิทธิภาพอย่างมาก”

วาฬบาลีนสามารถกลืนเหยื่อจำนวนมากขึ้น ทำให้พวกมันตัวใหญ่ขึ้น นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสมการ “หากมีอาหารมากมายทุกหนทุกแห่ง วาฬคงไม่กลายร่างเป็นยักษ์ได้” เกรแฮม สแลตเตอร์ นักชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก และผู้เขียนหลักของการศึกษานี้กล่าว  “แหล่งอาหารต้องอยู่แยกกัน และห่างไกลกันมาก” เพราะว่าวัฏจักรทางนิเวศที่เป็นชนวนให้เกิดการระเบิดของจำนวนเคยและแพลงก์ตอนสัตว์นั้นเกิดขึ้นเป็นช่วงเวลา ดร. สแลตเตอร์ กล่าวว่า วาฬต้องอพยพหลายพันไมล์จากแพอาหารแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง บรรพบุรุษวาฬตัวใหญ่ที่มีถังน้ำมันใหญ่ขึ้นมีโอกาสอยู่รอดในฤดูกาลอพยพอันยาวนานเพื่อหาอาหารมากกว่า ในขณะที่วาฬบาลีนขนาดเล็กกว่าต้องสูญพันธุ์ไป

ดร. สแลตเตอร์กล่าวว่า “ถ้าแพอาหารอยู่ไม่ไกลกันนัก วาฬจะตัวโตขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ให้อยู่ได้อย่างสบายๆ ในสิ่งแวดล้อมเช่นนั้น แต่มันจะไม่กลายร่างเป็นใหญ่ยักษ์อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้นี่หรอก”

“วาฬสีน้ำเงินสามารถจะเดินทางได้ไกลกว่า โดยใช้พลังงานน้อยกว่าวาฬที่มีรูปร่างเล็ก” ดร สแลตเตอร์กล่าว “การที่คุณตัวใหญ่กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเมื่อคุณต้องเดินทางไกล”

อารี เอส ฟรีดเลนเดอร์ นักนิเวศวิทยาด้านพฤติกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโอเรกอนสเตท ผู้ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษานี้ กล่าวว่า งานวิจัยนี้ช่วยทำให้เราเข้าใจดีขึ้นว่าวาฬบาลีนกลายมาเป็นยักษ์ใหญ่ได้อย่างไร สิ่งนี้ทำให้เราสามารถพูดได้ว่ามันมีกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งในมหาสมุทรซึ่งเปิดโอกาสให้สัตว์พวกนี้ตัวใหญ่ขึ้นมาได้เท่านี้

ริขาร์ด นอริส นักชีววิทยาเกี่ยวกับพืชและสัตว์โบราณ แห่งสถาบันสมุทรศาสตร์สคริปป์ เรียกการศึกษานี้ว่า “ผลงานชิ้นเอก” และกล่าวว่า นี่เป็นการยืนยันความเข้าใจในปัจจุบันของนักวิทยาศาสตร์ถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรในช่วงเวลาที่ผ่านมา

“เมื่อเรานึกว่าดาวเคราะห์ดวงนี้เคยเป็นอย่างไรบ้างนะในประวัติศาสตร์อันยาวนาน  วาฬเมื่อ 10 ล้านปีก่อนเป็นสัตว์ซึ่งต่างกันอย่างมากกับวาฬที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน” ดร.นอริสกล่าว “ในความรู้สึกของผมแล้ว เรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาพิเศษซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินกับความสง่างามของสัตว์ยักษ์ที่อยู่ในมหาสมุทรข้างนอกนั่น”



24 April 2017 ที่มา Nicholas St. Fleur

Categories

  • ข่าววาฬในไทย
  • ข่าววาฬต่างประเทศ
  • ข่าวความรู้

© 2016 ThaiWhales All Rights Reserved.